หากพูดถึงประเทศตุรกี คงนับเป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกจุดหมายหนึ่งในช่วงระยะ 7 ปีที่ผ่านมา
ซึ่งผู้คนหลั่งไหลเข้าไปท่องเที่ยวในดินแดนสองทวีปจำนวนไม่ต่ำกว่าปีละหลายแสนคน
โดยเฉพาะชาวไทย ซึ่งได้รับการยกเว้นการทำวีซ่าและสามารถเข้าท่องเที่ยวประเทศตุรกีได้ระยะเวลาไม่เกิน 30 วันนับแต่ปี พ.ศ. 2555 เป็นต้นมา
ประเทศตุรกี มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายแห่ง ที่น่าสนใจ และบางแห่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย

คัปปาโดเกีย หรือ ภูมิภาคแห่งหินภูเขาไฟ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยว ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
ซึ่งเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออร์ซิเยสและฮาซานในสมัยดึกดำบรรพ์ ก่อให้เกิดเถ้าถ่านภูเขาไฟและลาวา ทับถมเป็นตะกอนบนพื้นผิว
ผ่านการชะล้างจากฝน และลมนับล้านปี ก่อตัวขึ้นมาเป็นภูมิภาคที่รูปทรงพิศวงมากมาย
ไม่ว่าจะเป็น กรวยรูปเห็ด กระโจมรูปทรงต่างๆ ปล่องไฟนางฟ้า และภูเขาขนาดย่อมซึ่งสามารถขุดเจาะทะลวงเข้าไปเป็นบ้านและสถานที่อยู่อาศัยได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย
อาทิเช่น พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม ภายในประกอบด้วยโบสถ์ที่นักบวชในอดีตเคยอาศัยอยู่หลายห้องด้วยกัน
และ นครใต้ดินไคมัคลี่ ซึ่งชาวตุรกีในอดีตกาลขุดเจาะลงเป็นเมืองบาดาลซึ่งไว้หลบอาศัยจากการรุกรานของจักรวรรดิโรมัน
นอกจากนี้ ภูมิภาคคัปปาโดเกียยังเป็นเมืองยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวมาขึ้นบอลลูนไอร้อนเพื่อชมวิวและทัศนียภาพอันน่าอัศจรรย์ใจจากมุมสูงอีกด้วย

ปามุคคาเล่ หรือ น้ำตกหินปูนอันสวยงาม อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ห้ามพลาด
เกิดจากการสะสมของคราบตะกอนหินปูนสีขาวจากแหล่งธารน้ำแร่ธรรมชาติใต้ดินที่มีธาตุแคลเซียมออกไซด์จำนวนมาก
ปะทุขึ้นสู่ยอดเขา หลั่งไหลลงมาตามแอ่งน้ำเป็นชั้น เสมือนดั่งธารน้ำตกที่เรียงรายกันลงมาอย่างสวยงาม
ก่อให้เกิดเป็นน้ำตกสีขาวนวล นับเป็นการบรรจงสรรค์สร้างโดยธรรมชาติอย่างแท้จริง

